1. อัศวิน ธงอินเนตร จอมหนึบแห่งทุ่งอุดมสุข

เริ่มต้นที่ดาราเอเชียคนแรก อัศวิน ธงอินเนตร นักเตะที่เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู ที่มีความเหนียวหนึบ จนได้รับการยอมรับจากทีมทั่วเอเชีย ประตูรายนี้ลงเล่นในนามทีมชาติชุดแรก พ.ศ. 2505 ในเกมฉลองเอกราชเวียดนาม จากนั้นมาก็มีโอกาสเล่นฟุตบอลให้ทีมชาติมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นรายการคัดเลือกโอลิมปีก, เมอร์ดิก้า ฯลฯ ในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังเอเซียบันทึกไว้ว่าทีมรวมดาราเอเชียชุดแรกของทวีป มีนายทวารของไทยรายนี้ยืนเฝ้าเสา ยังความภาคภูมิใจมาถึงชาวไทยทุกคน แต่แล้ว พ.ศ. 2508 วงการลูกหนังบ้านเราก็ต้องมาสูญเสียผู้รักษาประตูรายนี้หลังจากที่เจ้าตัวลงทำการฝึกซ้อมและไปปะทะกับกองหน้าฝั่งตรงข้าม จนต้องหามส่งโรงพยาบาล แต่ก็ไปไม่ทันยังความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ต่อวงการฟุตบอลไทยในที่สุด โดย อัศวิน ธงอินเนตร เสียชีวิตในวันที่ 28 พ.ย. 2508

2. ณรงค์ สังข์สุวรรณ ตำนานกัปตันที่แสนยิ่งใหญ่

หลังจากนั้นมามีนักเตะไทยอย่าง ณรงค์ สังข์สุวรรณ ก้าวไปเป็นนักเตะดาราเอเชียได้อีก นันหมายถึงเป็นการบ่งบอกมาตรฐานว่าทีมชาติไทย ในยุคนั้นยังอุดมไปด้วยผู้เล่นฝีเท้าดี ว่ากันว่าปราการหลังกัปตันทีมรายนี้มี ถึงขนาดโลดแล่นในเวที่ฟุตบอลยุโรปได้เลย ซึ่งผลงานที่ฝากไว้มีมากมาย อาทิ แชมป์แหลมทอง (2508), โอลิมปิก เม็กชิโก (2511) ในส่วนของสโมสรใน ประเทศแล้ว ณรงค์ สังข์สุวรรณ เล่นให้กับสโมสรตำรวจ และราชประชา สนับสนุนบทความโดย Triplerich888 บาคาร่าออนไลน์ สล็อตออนไลน์ แทงบอลออนไลน์ คาสิโนออนไลน์ ครบจบที่เดียว

3.พิชัย คงศรี จอมโขกหัวเรดาร์

วงการฟุตบอลไทยยังคงอยู่ แล้วแต่ ผลงานที่ออกมามักเป็นที่ครันคร้ามของคู่ต่อกรเสมอ จะบอกว่าเป็นยุคแห่งการล่าตาข่ายที่ยิงประตูคู่แข่งได้แบบเป็นกอบเป็นกำ น่าจะ”หลอเรดาร์” พิชัย คงศรี ติดร่างแหอยู่ด้วย ตอนนั้นดาวเตะรายนี้กระหึ่มไปทั้งท้องน้ำของเอเชีย เล่นรายการไหนยิงรายการนั้น โดยเฉพาะการลงเล่นกับมิดฟิลด์คู่ใจอย่าง “ดาวเตะเท้าชั่งทอง” เฉลิมวุฒิ สง่าพล ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ฟอร์มการเล่นนั้นสุดเจิด เรียกว่ามองตารู้ใจเปิดมาเมื่อไรเป็นโขกเข้าสู่กันตาข่ายทุกครั้งไม่นานชื่อของ พิชัย คงศรี ก็ถูกจัดอยู่ในฮอล ออฟ เฟม ของทีมดาราเอเชีย ทดลองเล่นบาคาร่าออนไลน์ฟรี แถมมีลิ้งรับทรัพย์ ค่าคอมชวนเพื่อน LAVAGAME

4. เฉลิมวุฒิ สง่าพล ดาวเตะเท้าชั่งทอง

“หนุ่ย” เฉลิมวุฒิ สง่าพล ห้องเครื่องคุณภาพทีมชาติไทยอีกคนที่มีชื่อ ขอติดโผทีม “ดาราเอเชีย” บทบาทในนามทีมชาติทุกเกมที่ลงสนามคุณภาพคับแก้ว ทั้งปั้นบอลทั้งส่งบอลทั้งยิงบอลทำได้อย่างครบเครื่อง การได้รับฉายา “ดาวเตะเท้าชั่งทอง” ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะว่า เฉลิมวุฒิผ่านบอลเหมือนจับวางทั้งน้ำหนักและทิศทาง ผลงานที่ผ่านมาในนามทีมชาติ ชนะเลิศคิงส์คัพ (2524 2525, 2526, 2532) ซีเกมส์ (2524, 2526, 2528) สี่เส้าอินโดจีน (2532) ส่วนในระดับสโมสรก็ลงโลดแล่นให้กับ ธ.กรุงเทพ, ราชนาวี และธ.กรุงไทย

5. เดอะ ตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เพชฌฆาตหน้าหยกดาวยิงของแท้

หากจะให้หากองหน้าที่มีความครบเครื่องของเมืองไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คงไม่มีใครกล้ายกตัวเองไปเทียบชั้นนักเตะอย่าง “เดอะ ตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เด็กหนุ่มที่ขึ้นลิฟต์ติดทีมชาติแบบรวดเร็ว จากอดีตที่ลืมตาดูโลกที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนจะมาเติบใหญ่ได้วิชาดีจากครูบอลที่ จ.นครปฐม ไต่เต้าพร้อมกระโดดข้ามกองหน้ารุ่นพี่มาแบบต่อเนื่อง จนวันหนึ่งเขากลายเป็น

ซูเปอร์สตาร์ของทีมชาติไทยไปในที่สุด ปียะพงษ์ เริ่มติดทีมเยาวซนทีมชาติรุ่นเดียวกับ สมปอง นันทประภาศิลป์ ไปเล่นที่ประเทศมาเลเซีย ด้วยฝีเท้าที่พุ่งแรงเกินวัยทำให้ก้าวขึ้นไปติดชุดใหญ่ตั้งแต่นั้นมา โดยในนามทีมชุดใหญ่ “เดอะ ตุ๊ก” ประเดิมสนามในรายการเพรสซิเดนต์ คัพ ที่เกาหลีใต้ พ.ศ.2524 หลังจากนั้นก็ติดทีมชาติไทยในทุกชุดไม่ว่าจะเป็น ซีเกมส์, คิงส์คัพ,

ฟุตบอลโลก และเป็นนักเตะที่สร้างความสำเร็จให้ตัวเองด้วยการไปเล่นลีกเกาหลีใต้ให้กับทีม “ลักกี้ โกลด์สตาร์” ซึ่งการเดินทางไปครั้งนั้นเขายิงประตูระเบิดเถิดเทิง ก่อนที่จะกลับเมืองไทย ถูกทาบทามจากสโมสรอันเดอร์เลชห์ ของเบลเยียม ด้วยวัยที่ยังคะนองและคิดถึงบ้านจึงตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตในเมืองไทย มาเล่นลูกไขว้มหัศจรรย์ อีกหลายๆ รายการ กว่าจะเลิกเล่นฟุตบอลก็อายุปาเข้าไปเกือบ 40 ว่ากันว่าในยุคนี้เมืองไทยยังไม่มีนักเตะที่มีพรสวรรค์ในการยิงประตูได้ครบเครื่องแบบ “ปียะพงษ์ ผิวอ่อน” เลย

6. ดุสิต เฉลิมแสน อีซ้ายจอมฟรีคิก

นักเตะดาราเอเชียคนล่าสุดในนามทีมชาติไทยก็รันเวลามาจนถึงยุคดรีมทีม ซึ่งปีกซ้ายสไตล์บราชิลของไทยอย่าง “โอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ก็มีชื่อติดทีมดาราเอเชีย ในนัดที่มีการฉลองเอกราช ที่ประเทศฮ่องกง ผลงานที่โดดเด่น ตั้งแต่เล่นฟุตบอลระดับสโมสรและทีมชาติ รวมไปถึงความต่อเนื่องในการยืนระยะทำให้ทีมชาติไทยขาดดุสิตไม่ได้เลย โดยอดีตที่ผ่านมาชนะเลิศคิงส์คัพ(2537, 2543) อินดิเพนเดนต์ คัพ (2537), อาเซียน คัพ (2539, 2543, 2545), ซีเกมส์ (2540, 2542) ปัจจุบันเลิกเล่นฟุตบอลไปแล้วแต่ก็ยังโลดแล่นในสารบบฟุตบอลด้วยการรับงานเป็นกุนซือให้กับทีมฮอง อันห์ ยาลาย ในประเทศเวียดนาม ล่าสุดสามารถพา BG ปทุม ได้แชมป์ ไทยลีค ฤดูกาล 2020-2021